ฟิล์มยืดและฟิล์มหด แตกต่างกันอย่างไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง? ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้งานฟิล์มยืด แต่ต้องมีเรื่องให้ได้ใช้ขึ้นมาสักวันหนึ่งก็อาจจะรู้สึกสงสัยว่าเป็นฟิล์มในลักษณะไหนกัน ใช้งานอย่างไร และยิ่งถ้าได้ยินชื่อฟิล์มหดด้วยแล้วก็อาจจะยิ่งทำให้สงสัยมากยิ่งขึ้น เพราะมีชื่อที่ใกล้เคียงกันแต่ต่างที่คำว่ายืดและหด
ฟิล์มยืดและฟิล์มหด แตกต่างกันอย่างไร เชื่อว่าคำถามเหล่านี้มีหลายๆ คนที่ยังไม่รู้คำตอบและต้องการได้ความรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งฟิล์มทั้ง 2 ชนิดนี้ผลิตมาจากเม็ดพลาสติกเหมือนกัน เพียงแต่แบบยืดจะผลิตออกมาเพื่อให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถที่จะดึงออกมาเพื่อพันกันได้ และเมื่อพันกันก็นำมาติดกันได้โดยไม่มีความเหนียวจากกาวที่ทำให้เกิดคราบ ส่วนแบบหดจะเข้ารูปกับสิ่งของที่ห่อหุ้มด้วยความร้อน ทำให้สิ่งของนั้นๆ อยู่ติดกันอย่างหนาแน่นไม่มีหลุดออก พอจะนึกภาพกันออกแล้วใช่ไหมคะ
ฟิล์มยืดเป็นฟิล์มที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง มีคุณสมบัติให้ความยืดหยุ่นและความเหนียวเมื่อพันกันโดยที่ไม่ทิ้งคราบเหนียวไว้กวนใจเพราะสามารถยึดเกาะกันได้เอง ถ้าพันกันหลายๆ รอบก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแรงมากพอที่จะลดแรงกระแทกได้ดีมาก เช่น ถ้าพันแก้วเซรามิกไว้ด้วยฟิล์มยืดประมาณ 10-20 ชั้นแบบแน่นหนา ถ้าโยนลงพื้นแก้วก็จะไม่แตก ยิ่งพันหนามากเท่าไหร่ก็ยิ่งลดแรงกระแทกได้มากเท่านั้น ด้วยคุณสมบัตินี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในการนำมาใช้กับภาคธุรกิจเพื่อเก็บรักษาสินค้าในโกดัง สามารถใช้ได้กับสินค้าที่มีขนาดเล็กและสินค้าที่มีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้ฟิล์มยืดยังสามารถที่จะใช้งานได้อย่างหลากหลาย และเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะทนต่อสภาวะอากาศที่ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็นได้เป็นอย่างดี รักษาระดับความชื้นได้ดีและอากาศผ่านเข้าออกได้แบบช้าๆ จึงช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นในวัตถุดิบที่มีความสดให้ช้าลงและช่วยทำให้อาหารที่แช่อยู่ในตู้เย็นไม่เสียง่ายอีกด้วย
ฟิล์มหดมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับชื่อ เพราะเวลาใช้งานจะมีการใช้ความร้อนเพื่อทำให้ตัวพลาสติกหดลง วิธีการที่ทำให้ฟิล์มยึดเกาะกับตัวสินค้า คือ การใช้ลมร้อนในการเป่าให้พลาสติกหดตัวลงแล้วห่อหุ้มกับตัวสินค้าได้พอดี จึงทำให้สินค้านั้นๆ ไม่หลุดออกจากกัน ใช้งานกับสินค้าได้หลากหลายเหมือนกับฟิล์มยืด เช่น หุ้มขวดน้ำแบบแพ็ค 6 ขวด, หุ้มกระป๋องน้ำอัดลมแบบแพ็ค 6 กระป๋อง หรือการหุ้มนมกล่อง UHT แบบแพ็ค 12 กล่อง เป็นต้น ฟิล์มหดมีความพิเศษที่สามารถใส่สีสันหรือลวดลายต่างๆ ลงไปบนฟิล์มได้ตามที่ลูกค้าต้องการ จึงถูกใช้ในการห่อหุ้มสินค้าโดยเฉพาะเพื่อให้เกิดความสวยงามและจัดระเบียบสินค้าได้ดี ซึ่งฟิล์มชนิดนี้ถูกผลิตมาจากเม็ดพลาสติกแบบ Polyvinyl Chloride-PVC และ Low Density Polyethylene-LDPE ที่เมื่อโดนความร้อนแล้วก็จะกลายเป็นการหดตัวลงจนเข้ากับรูปร่างของสินค้าได้อย่างพอเหมาะ การสั่งซื้อฟิล์มหดจะต้องระบุเรื่องวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ให้กับผู้ผลิตเพราะ สินค้าต่างกันก็ใช้กงานต่างประเภทกัน การแพคของให้หนาแน่นจึง ขึ้นอยู่กับความความหนา ความแข็งแรง และความเหนียวของพลาสติกที่จะต้องใช้ เพราะจะมีผลต่อราคาและคุณภาพในการใช้งาน
ฟิล์มยืดกับฟิล์มหดมีความต่างกันตรงที่ใช้งานกันคนละแบบ โดยที่แบบยืดจะได้รับความนิยมในการใช้งานที่มีความหลากหลายมากกว่า สามารถที่จะใช้งานได้กับของขนาดเล็กไปจนถึงของขนาดใหญ่ ส่วนแบบหดจะเน้นไปที่การจัดระเบียบและรักษาความปลอดภัยให้กับตัวสินค้าชิ้นกลางๆ ไม่สามารถนำมาใช้ใดๆ ในครัวได้เหมือนกับฟิล์มยืด เพราะขั้นตอนการทำต้องมีการใช้เครื่องเป่าลมร้อนเข้ามาเป็นตัวช่วย แต่ในแบบยืดเพียงแค่พันทับกับสิ่งของที่ต้องการก็ใช้งานได้ทันที
เมื่อรู้ถึงความแตกต่างของฟิลม์ทั้งสองชนิดแล้ว เชื่อว่าต่อไปเมื่อจำเป็นต้องใช้ก็สามรถเลือกซื้อได้ถูกประเภทค่ะ เพราะหากซื้อก่อนโดยไม่มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ อาจจะทำให้เกิการเสียเวลา และเสียเงินซ้ำซ้อนโดยใช่เหตุนั่นเอง
Leave a reply