พลาสติก โพลีโพรพิลีน Polypropylene หรือ PP คืออะไร ใช้กับอาหารได้หรือไม่ โพลีโพรพิลีนPolypropylene (PP) คือ หนึ่งในเม็ดพลาสติกคุณภาพที่นำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย ถือว่าเป็นพลาสติกที่มีความหนาแน่นต่ำมาก เพียงแค่ 0.90-0.91 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อนำมาหลอมในอุณหภูมิ 160-170 องศาเซลเซียส ก็จะสามารถขึ้นรูปเป็นแบบต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการทำเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหาร เพราะเป็นเม็ดพลาสติกที่ได้มีการยอมรับว่าเป็น Food Grade ที่มีความปลอดภัย ซึ่งความเด่นของโพลีโพรพิลีน (PP) คือ
1.ขึ้นรูปได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และให้รูปลักษณ์ตรงตามแบบที่ต้องการเสมอ
2.ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทาน เวลาขนย้ายไม่ต้องกังวลว่าบรรจุภัณฑ์จากโพลีโพรพิลีน (PP) จะหักงอง่ายจนเกินไป
3.ทนทานต่อความร้อน เพราะมีจุดหลอมเหลวที่ 160-170 องศา และสามารถทนทานต่อสารเคมีหรือตัวทำละลายได้ดี
4.เนื้อพลาสติกมีความ โปร่ง และเบา แต่ก็มีความแข็งแรงไม่แพ้พลาสติกชนิด HDPE
5.ช่วยป้องกันความชื้นไม่ให้ทะลุผ่านบรรจุภัณฑ์จนเข้าไปถึงอาหารได้
6.ถึงความชื้นจะเข้าไม่ถึงแต่อากาศก็สามารถผ่านได้แบบต่ำๆ แต่ไม่ทำให้เกิดปัญหากับอาหารที่บรรจุอยู่ภายในแน่นอน
7.ถึงจะไม่หลอมละลายง่าย ทนทานต่อความร้อนได้ดี แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ไม่ทนต่อความเย็นมากนัก
การใช้โพลีโพรพิลีน (PP) กับบรรจุภัณฑ์อาหารจะเน้นไปที่การผลิตเป็นถุงใสทนความร้อนหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ถุงร้อน” และผลิตเป็นรูปแบบแก้วกาแฟร้อน, บรรจุภัณฑ์อาหารแปรรูป, บรรจุภัณฑ์เข้าไมโครเวฟได้, จาน ชาม หรือถ้วยพลาสติกที่มีคุณภาพและให้ความปลอดภัยในการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานในบรรจุภัณฑ์แบบถ้วยโจ๊กและถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลายน่ารักๆ ได้อีกด้วย คุณสมบัติที่มีต่อบรรจุภัณฑ์อาหารที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจได้ คือ
- นำเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหารภายในบรรจุภัณฑ์แบบโพลีโพรพิลีน(PP) ได้ทันที เพิ่มความสะดวก ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก และมีความปลอดภัย เพราะทนทานต่อสารเคมีสูง
- ทนต่อความร้อนของน้ำร้อนหรือการเข้าอบได้สูงถึง 100-121 องศาเซลเซียส จึงใช้งานได้อย่างมั่นใจ
- จาน, ชาม หรือถ้วยที่ผลิตจากโพลีโพรพิลีน (PP) ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่เสียหายง่าย จึงสามารถที่จะใส่ข้าวสวยหรือแกงร้อนๆ ได้อย่างปลอดภัย
- ถุงใสทนความร้อนหรือที่เรียกกันว่าถุงร้อน สามารถใช้งานได้ดี ไม่มีรั่ว ไม่มีแตก และทำให้มองเห็นของที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน จึงนิยมนำมาใส่แกงและขนมเพื่อขายตามตลาด
- มั่นใจในความปลอดภัยและความสะอาดได้ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต เพราะมีการฆ่าเชื้อด้วยรีทอร์ท (retort) ก่อนการนำไปขึ้นรูป เพราะโพลีโพรพิลีน(PP) มักถูกนำมาผลิต flexible packaging จึงต้องผ่านขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
- ถึงจะมีข้อดีจำนวนมากแต่ก็มีข้จำกัดในการใช้งาน คือ ไม่ทนทานต่อความเย็นจึงไม่เหมาะกับการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งและไม่ควรนำไปเป็นวัสดุเพื่อการเชื่อมตามข้อต่อต่างๆ เพราะทำให้ติดกันได้ยาก
โพลีโพรพิลีน(PP) เป็นหนึ่งในกลุ่มของเทอร์โมพลาสติก มีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลากหลายด้าน ขึ้นรูปได้ง่าย จึงถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ภายในครัวเรือนเสมอ เป็นวัสดุโครงสร้างกึ่งผลึกที่นำไปประยุกต์ใช้กับงานต่างๆ ได้ดี มีความหลากหลายสูง ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารหรือขวดใส่สารเคมีจึงสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เมื่อนำมาขึ้นรูปแล้วจะไม่แตกหักหรือเสียหายได้ง่ายโดยเฉพาะจากความร้อน แต่ถ้าตกลงมาจากที่สูงมากๆ ก็อาจทำให้แตกได้ มาพร้อมคุณสมบัติต้านทานไฟฟ้าได้ดี ใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวลเพราะไม่เป็นตัวกลางนำไฟฟ้า และอีกหนึ่งความน่าสนใจของของโพลีโพรพิลีน(PP) คือขึ้นรูปและตกแต่งให้ออกมาเป็นรูปทรงที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะขึ้นรูปจากความร้อนหรือจากสุญญากาศ ก็สามารถที่จะเชื่อมต่อและตกแต่งให้ออกมาได้อย่างโดดเด่น ที่สำคัญคือการเป็นพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หรือที่เราเรียกกันว่าพลาสติกแบบรีไซเคิล
เพียงแค่นำโพลีโพรพิลีน(PP) กลับมาสู่จุดหลอมเหลวก็สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตและกระบวนการขึ้นรูปใหม่ได้โดยที่คุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมายังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่สูญเสียไปเลยแม้แต่น้อย ด้วยความน่าสนใจและคุณสมบัติที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน ทำให้โพลีโพรพิลีน(PP) กลายเป็นพลาสติกที่ได้รับความนิยมในตลาดบรรจุภัณฑ์อย่างมาก ช่วยทำให้ผู้ประกอบการได้ประหยัดต้นทุนมากขึ้น โดยที่ผู้บริโภคเองก็สามารถซื้อไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย ถือว่าเป็นพลาสติกที่มีคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพราะสามารถทำขึ้นรูปด้วยตัวโพลีโพรพิลีน(PP) เองก็ได้ประโยชน์ หรือจะนำไปผสมผสานกับวัสดุอื่นก็ให้การใช้งานที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน ทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิลได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย และนอกจากการเป็นบรรจุภัณฑ์แล้ว โพลีโพรพิลีน(PP) ยังสามารถนำมาทำเป็นพลาสติกแบบลูกฟูกที่ให้ประโยชน์ด้านการขนส่งสินค้าที่มีความละเอียดอ่อนสูงโดยเฉพาะผักและผลไม้ เพราะสามารถปกป้องสินค้าไม่ให้ช้ำระหว่างการขนส่งและป้องกันเรื่องฝุ่นละอองได้ดีเลยทีเดียว
คุณสมบัติที่โดดเด่นของโพลีโพรพิลีน(PP) ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด เพราะในอนาคตอาจจะมีการนำเม็ดพลาสติกชนิดนี้ไปทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลายมากกว่าเดิม อาจมีการพัฒนาวิธีการใช้งาน, การขึ้นรูป หรือการผลิตให้มีคุณค่ามากกว่าที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน โพลีโพรพิลีน(PP) จึงถือว่าเป็นพลาสติกทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามและอาจทำให้กิจการของคุณในอนาคตไปได้สวยหรือทำให้ต้นทุนไม่สูงมากพร้อมช่วยส่งเสริมการขายที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย
Leave a reply