ฟิล์มยืดในภาคอุตสาหกรรม เกี่ยวข้องและนำไปใช้ในส่วนใด

ฟิล์มยืดในภาคอุตสาหกรรม เกี่ยวข้องและนำไปใช้ในส่วนใด ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมด้านอาหารสด สิ่งทอ สินค้าสำเร็จรูป สินค้าแช่แข็ง ผักผลไม้ หรือทางด้านไอที ขนส่ง เครื่องจักรกลต่าง ๆ เป็นต้น สินค้าเหล่านี้แน่นอนว่าต้องมีการดำเนินงานด้านการขนส่ง โลจิสติกส์ เพื่อส่งและกระจายสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้นขั้นตอนในการบรรจุและจัดเก็บสินค้าเพื่อการขนส่งนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหล่านี้

ในการบรรจุและขนส่งสินค้า Stretch Film หรือ ฟิล์มยืด นั้นได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยฟิล์มยืดนั้นจะเป็นตัวที่การรวมหน่วยสินค้าให้เป็นหน่วยเดียวกันเพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ทำให้สามารถนำงสินค้ามาเรียงบนพาเลทได้หลายชั้นโดยที่สินค้าไม่ตกหล่นเสียหายหรือตกหล่นลงมาจากชั้นวาง ช่วยในการปกป้องสินค้าจากรอยขีดข่วน สิ่งสกปรกและฝุ่นละอองต่าง ๆ นอกจากนี้ฟิล์มยืดยงมีคุณสมบัติที่สามารถต้านทานแรงเจาะทะลุได้ดี สามารถเกาะติดกันเองได้โดยที่ไม่ต้องใช้ความร้อนจึงทำให้สะดวกเวลาใช้งาน มีการยึดเกาะที่ดีช่วยกระชับสินค้าให้เกาะกลุ่มกันแน่นจึงทำให้การจัดเรียงไม่เสียรูปแบบไป นอกจากนี้ยังมีความใสจึงสามารถสแกนบาร์โค้ดของตัวสินค้าผ่านฟิล์มได้ และสามารถมองเห็นสินค้าได้ชัดเจนอีกด้วย

Stretch Film หรือที่เรียกว่าฟิล์มยืดนั้นเป็นฟิล์มพลาสติกชนิดหนึ่งในกลุ่ม Thermo Plastic โดยจะมีคุณสมบัติเฉพาะที่สำคัญก็คือ มีความใส เหนียว ยืดหยุ่นสูง สามารถเกาะติดกันได้เองโดยไม่ไต้องใช้ความร้อน ซึ่งพลาสติกที่นำมาผลิตฟิล์มยืดนั้นมีหลายชนิดแยกไปตามการใช้งาน เช่น PVC, PP, LLDPE และ LDPE โดยส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมขนส่งมักจะเรียกว่า ฟิล์มยืดพันพาเลท หรือบางครั้งก็เรียกว่า Stretch Cling Film โดยฟิล์มชนิดนี้นิยมใช้ในงานบรรจุหีบห่อสินค้ากันอย่างแพร่หลาย นำมาใช้ในการรัดพันพาเลทสินค้าเพื่อกันตกได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้ง่ายและมีราคาไม่แพง และนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิตถุงพลาสติกที่มักมีการนำ Stretch Film หรือฟิล์มยืดนำไปรีไซเคิลเป็นถุงหูหิ้วขาย โดยจะมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าการนำเม็ดพลาสติกมาใช้ผลิต เป็นต้น

เป็นที่ทราบกันแล้วว่าปัจจุบันได้มีการนำ Stretch film มาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเราสามารถแบ่ง Stretch film ออกตามประเภทอุตสาหกรรมได้เป็น 2 แบบ คือ

Stretch film สำหรับการขนส่ง ส่วนใหญ่มักใช้ฟิล์มยืดที่ผลิตจาก PE ชนิด LDPE , LLDPE ซึ่งมีความหนาแน่นต่ำ มักเรียกกันว่าฟิล์มยืดพันพาเลทนั่นเอง เป็นฟิล์มที่ใช้งานง่าย แข็งแรง ราคาไม่แพงและมีความอยู่ตัวสูง ฟิล์มยืดพันพาเลทนั้นมีการผลิตออกมามากมายหลายแบบ เช่น แบบม้วนขนาดเล็กหรือ Hybrid film มีหน้ากว้างไม่มากนักคือ 1 – 5 นิ้ว แบบ Hand Roll หรือแบบที่ใช้มือดึง ซึ่งเป็นตัวที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีความหนาตั้งแต่ 12 – 30 ไมครอน ขนาดหน้ากว้างประมาณ 50 เซนติเมตร และแบบที่ต้องใช้เครื่องจักรช่วยในการดึงฟิล์มเพื่อพันสินค้า โดยตัวนี้จะสามารถยืดได้สูงสุดถึง 250 % เลยทีเดียว ซึ่งการเลือกใช้ฟิล์มยืดสำหรับการขนส่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าสินค้ามีขนาดเล็กก็ใช้ฟิล์มพันพาเลทแบบม้วนขนาดเล็ก หรือสำหรับธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็ว และต้องการความแข็งแรงมากก็เลือกใช้ฟิล์มสำหรับพันด้วยเครื่องจักร เป็นต้น ฟิล์มยืดพันพาเลทนี้มักจะนำมาใช้ในการพันสินค้าบนพาเลททั่วไป เช่น อุตสาหกรรมผลิตกระดาษ เซรามิก ขวดแก้ว เครื่องกระป๋องต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ ม้วนกระดาษ ชิ้นส่วนท่อนเหล็ก เป็นต้น
Stretch film สำหรับอาหาร ในส่วนของฟิล์มยืดสำหรับอาหารนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นฟิล์มยืดที่ผลิตจาก PVC และ PP เนื้อฟิล์มจะมีความใสและไม่เหนียวมากนัก เนื่องจากในการใช้งานตัวฟิล์มจะต้องสัมผัสกับอาหารที่นำไปบริโภค ดังนั้นฟิล์มยืดสำหรับอาหารนั้นจะมีคุณสมบัติที่ยอมให้ไอน้ำและออกซิเจนผ่านไปได้ เหมาะกับการนำมาใช้บรรจุอาหารสด ยกตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ ปลา ผักสด ผลไม้สด ซึ่งนอกจากจะช่วยเก็บรักษาความสดของอาหารในขั้นตอนการขนส่งและป้องกันฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกที่อาจมาสัมผัสกับอาหารได้แล้ว ยังสามารถโชว์ตัวสินค้าให้ผู้บริโภคได้เห็นและดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นด้วย แต่การใช้ฟิล์มยืดในอาหารนั้นสิ่งที่ต้องพึงระวังก็คือสารเคมีที่เติมเข้าไปในกระบวนการผลิตฟิล์มยืดเพื่อให้มีคุณสมบัติต่าง ๆ ตามที่ต้องการที่อาจจะหลุดออกมาปนเปื้อนกับอาหารได้ เช่นสารพวก Plasticizer ที่นำมาผสมเข้าเพื่อทำให้พลาสติกอ่อนตัว ดังนั้นในการใช้งานจึงต้องมีความระมัดระวัง เช่น ไม่นำฟิล์มยืดห่ออาหารเข้าเตาอบเพราะความร้อนจะทำให้พลาสติกละลายจนทำให้สารเคมีออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ หรือไม่ควรนำฟิล์มยืดที่ผ่านการใช้งานแล้วมาใช้ซ้ำเนื่องจากพลาสติกจะเกิดการเสื่อมสภาพทำให้สารเคมีนั้นมีโอกาสหลุดออกมาปนเปื้อนในอาหารได้มากขึ้น เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าฟิล์มยืดนั้นเข้ามามีบทบาทกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย ตั้งแต่ตัวสินค้าที่เป็นหน่วยย่อยไปจนถึงสินค้าหน่วยใหญ่ ๆ ด้วยความที่มีคุณสมบัติที่ดี สามารถใช้งานได้ง่าย มีให้เลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมและราคาไม่แพง นั่นจึงทำให้ฟิล์มยืดได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมแทบทุกชนิดเลยนั่นเอง